สัญญาณไฟจราจร LED ช่วยประหยัดเงิน เวลา และพลังงาน

ในแต่ละปี สัญญาณไฟจราจรมากกว่า 4 ล้านดวงใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 3 พันล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง การเปลี่ยนไปใช้หลอดไฟ LED ที่ประหยัดพลังงานช่วยลดงบประมาณของเทศบาลและลดการใช้พลังงานทั่วประเทศ กว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของสัญญาณไฟจราจรทั้งหมดถูกแปลงเป็นไฟ LED ในสหรัฐอเมริกา แม้แต่ในเมืองใหญ่อย่างบอสตัน เดนเวอร์ นิวยอร์กซิตี้ ฟิลาเดลเฟีย ซานดิเอโก และซีแอตเทิล

ไฟ LED จะสร้างแสงในสีที่ต้องการเท่านั้น เช่น สีแดง สีเหลือง หรือสีเขียว ทำให้เหมาะสำหรับสัญญาณไฟจราจร ไม่จำเป็นต้องกรองแสงผ่านเลนส์ เป็นผลให้ผลิตสีที่แท้จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยสิ้นเปลืองพลังงานความร้อนน้อยที่สุด ไฟ LED ใช้พลังงานเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานที่ใช้โดยหลอดไส้ (10-25 วัตต์ เทียบกับ 150 วัตต์ ตามลำดับ) นอกจากนี้ไฟ LED ยังดูสว่างกว่าเนื่องจากแสงจะกระจายเท่ากันทั่วทั้งพื้นผิว (เป็นข้อได้เปรียบในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย)

ไฟ LED ยังเพิ่มความปลอดภัยในการจราจรเนื่องจากลดจำนวนการหยุดทำงานของสัญญาณ และเนื่องจากใช้พลังงานต่ำ ไฟ LED จึงประหยัดกว่าเมื่อใช้ร่วมกับระบบสำรองแบตเตอรี่ แบตเตอรี่สามารถเก็บ สัญญาณไฟจราจร LED ใช้งานได้นานถึง 24 ชั่วโมงในกรณีที่ไฟฟ้าดับ

การใช้ไฟ LED แทนหลอดไฟแบบดั้งเดิมสามารถประหยัดเงินได้มากถึง 600 ดอลลาร์ที่จุดตัดเดียวในหนึ่งปี (สมมติว่ามีสัญญาณ 8 สัญญาณ) เมืองใหญ่เมืองเดียวสามารถประหยัดเงินได้หนึ่งล้านดอลลาร์หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับว่ามีทางแยกกี่แห่ง การเปลี่ยนหลอดไฟน้อยลงช่วยประหยัดค่าแรงอีกด้วย

ไฟสีแดงติดประมาณร้อยละ 60 ของเวลาหรือ 5,300 ชั่วโมงต่อปี และใช้พลังงานในสัญญาณไฟจราจรมากกว่าไฟสีเขียวหรือสีเหลือง บ่อยครั้งที่พวกมันมีขนาดใหญ่กว่าด้วยกำลังวัตต์ที่สูงกว่าเช่นกัน โดยเฉลี่ยแล้วไฟสีแดงใช้พลังงาน 85 เปอร์เซ็นต์ของสัญญาณไฟจราจรทั้งหมด การเปลี่ยนหลอดไฟสีแดง เช่น ลูกศรบอกทิศทางหลอดไส้สีแดงขนาด 150 วัตต์เป็นหลอดไฟ LED ขนาด 10 วัตต์ สามารถประหยัดพลังงานได้มากที่สุด ตารางต่อไปนี้เปรียบเทียบการใช้พลังงานโดยทั่วไปของ LED กับหลอดไส้

ผู้ผลิต LED ยังคงอัพเกรดผลิตภัณฑ์ของตน สัญญาณไฟจราจรในตัวที่ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วหนึ่งตัวเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับการเดินสายและการติดตั้งฮาร์ดแวร์ของหน่วยที่มีอยู่ ทำให้ไม่จำเป็นต้องประกอบโมดูลสัญญาณไฟจราจร LED ในภาคสนาม หน่วยใหม่กินไฟน้อยกว่าเจ็ดวัตต์เมื่อเทียบกับหน่วย LED ที่มีอยู่ซึ่งกินไฟสูงสุด 30 วัตต์ แหล่งจ่ายไฟแบบเปลี่ยนได้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลงเป็นแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงเพื่อเพิ่มความปลอดภัยสาธารณะ